Translate

วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ความรู้จากหนังสือ (เครดิต บ้านรังนก.คอม)











 หัวข้อกระทู้ :ตอบ:ความรู้ จากบ้านรังนก.คอม.. 09-06-2012 07:49:55 

SC




คุณสมบัติส่วนตัวของนกแอ่นทำรังด้วยน้ำลาย คือ
1.ชอบหลบซ่อน ทำรังในที่ทีมันคิดว่าปลอดภัย
2.อุณหภูมิ/ความชื้นอยู่ที่ ประมาณ 27-29 องศา ความชื้นประมาณ 75-80 %
3.การบินจะบินเป็นวงกลมซ้ายหรือขวาใช้ระบบเสียงหาตำแหน่ง(echolocation)

สำหรับวงบินของนก ภายในห้องของบ้านนกมีข้อควรสังเกตุอย่างนี้ครับ
1.มีรูเข้าออกทางเดียว ก่อนออกนกต้องบินผ่าฝูงบินซึ่งทำให้มีความลำบากในการออก
*ในความคิดของผม คิดว่ามีทั้งข้อดีและขอเสีย*













SC
ตั้งใจ


แนวทางแก้ไขคือ เจาะรูเพิ่มอีก 1 รู           !แล้วนกจะเข้ารูไหน -> ก็ขึ้นอยู่กับวงบินของห้องก่อนหน้าห้องนี้นะครับ












SC
ตั้งใจ



การทำให้นกเข้าบ้านและบินไปตามห้องต่างๆเรื่องของช่องนี้เมื่อทดลองสังเกตุดูจะพบว่า
ช่องใหญ่นกจะเข้าได้ง่ายกว่าช่องเล็กโดยช่องมีขนาดมาตรฐานที่ได้ผลดีต่อการชักชวน
ให้นกบินเข้าง่ายดังรูปครับ













ตั้งใจ



โดยมีข้อสังเกตุว่าความยาวของลำตัวนกจากปลายปีกซ้ายถึงปลายปีกขวาประมาณ 20 ซม. ทดลองสังเกตุดูรูปนี้ดีนะครับแล้วจะคิดอะไรๆเกี่ยวกับช่องได้เยอะ

IP Logged
อ้างอิงตอบ









SC
ตั้งใจ
ลงทะเบียนเมื่อ: 04-03-2010 21:50:11
ตอบ: 114
ที่อยู่


เมื่อเราได้บ้านอุณหภูมิ/ความชื้นที่เหมาะ สมและคงที่มีช่องนกเข้าที่ดีง่าย ต่อการบินเข้าออก ตอนนี้เราจะมาดูไม้ที่นกทำรัง(Nesting Planks)
ประเภทไม้ : ไม้เนื้ออ่อน ไม่ไสเรียบไม่มีกลิ่นฉุน (ไม้ทุกชนิดมีกลิ่น)
ในการเกาะของนกแอ่นด้วยลักษณะของขานกไม่สามาถเกาะคอนเหมือนนกทั่วไปได้ แต่เท้านกแอ่นมีเล็บที่แหลมคมที่ใช้เกาะวัสดุที่ไม่เรียบหรือขรุขระได้ง่าย ซึ่งถ้าใช้ไม้เนื้อแข็ง เล็บที่แหลมคมก็ไม่ระคายผิวไม้ ลักษณะทางกายภาพของนกเอื้อให้เกาะที่มุมง่ายกว่า เพราะมุมจะเป็นลักษณะที่ไม้ยื่นออกมาหาตัวนก ดังนั้นที่ใช้ไม้เนื้อแข็งโอกาศที่เห็นรังมุมจึงเยอะกว่า ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา ไม้เนื้อแข็งผิวของมันจะค่อยๆเสื่อมสลายลงไปเรื่อยๆโดยเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 3-4 ปีครับ ซึ่งถ้าเป็นบ้านใหม่นี่อาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นกเข้าอยู่น้อยในช่วง ปีที่ 1-4 ตอนนี้คงพอนึกออกว่าระหว่างไม้เชอร่ากับไม้จริง(เนื้ออ่อน)อะไรดีกว่ากัน แต่ข้อเสียของไม้เนื่ออ่อนคือ รูในเนื้อไม้ใหญ่ความชื้นจากบรรยากาศเข้าได้ง่ายทำให้เกิดรา หรือเปื่อยยุ่ยได้ง่าย แม้แต่ไม้ swo2 ก็มีอายุประมาณ 20 ปีเท่านั้นนะครับ ใครที่ให้บ้านนกเป็นมรดกคงต้องสอนทายาทเรื่องการเปลี่ยนกระดานรังนกด้วย เข้าเรื่องดีกว่า ขนาดความกว้างของคานจะมีผลต่อจำนวนขนนกที่จะติดรังขณะนกสร้างบ้านด้วย ดูตามรูปเอาเองนะครับ











SC
ตั้งใจ



สรุปไม้กระดานรังนก ควรมีความกว้างประมาณ 15 cm เป็นความกว้างที่นกจะมีตำแหน่งเ้กาะป้ายน้ำลายทำรังโดยที่โอกาสขนจะติดรัง
ได้น้อย ส่วนการตีกระดานรังนกจะต้องตีขวางกับเส้นทางบินของนกแต่จะเกิดปัญหา
นกจะทำรังเพียงด้านเดียวดังรูป












SC
ตั้งใจ



เราแก้ไขด้วยการแบ่งอาณาเขตย่อย(ไม่เกี่ยว กับการกั้นห้อง system partition) โปรดสังเกตุ ธรรมชาติของนก เมื่อบินเข้ามาในแต่ละห้อง มันจะเริ่มส่งเสียงหาตำแหน่ง ซึ่งไม้กระดานที่ตีขวางจะสะท้อนเสียงได้ดีกว่า สำหรับอาณาเขตย่อยเราใช้ไม้ต่อลงมาอีกตามแนวเส้นสีดำอีกประมาณ 5 cm จากไม้กระดานรังนกเก่ารวมกว้าง 20 cm และแก้ไขไม้บางส่วนให้สะท้อนเสียงนกได้ดีขึ้น
IP Logged
อ้างอิงตอบ









SC
ตั้งใจ



หวังว่าข้อมูลที่โฟสขึ้นนี้คงมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆที่อ่าน ผมมิได้จับหนังสือมาลงทุกหน้า
ทุกบทเพราะบางส่วนก็ซ้ำกับความรู้ที่มีผู้พูดในการอบรมหรือข้อความบางส่วนในเวป
ซึ่งหลักๆก็เกือยเหม็ดแล้ว (ออกสำเนียงใต้นะครับ)คงเหลือเทคนิคกะจิบกะจ้อยซึ่งจะ
ไม่เอามาลงเพราะบางที่ไม่มีหลัการใดๆ ใช้เพียงแค่สังเกตุ ฉะนั้นวันนี้เลยเอาบทสุดท้าย
ซึ่งอาจสอดคล้องกับที่คุณ tonyb ได้พูดถึงช่วงเวลาการเปิดบ้านนก
เขาบอกว่า นกรุ่นใหม่จะเริ่มจับคู่ทำรังกัน 2 ช่วงคือ ก.พ. และ ต.ค. เมื่อนกรุ่นใหม่เริ่มจับคู่จะมีปรากำการณ์ย้ายถิ่นเกิดขึ้น (มันหาที่สร้างรังของมันเอง) แสดงข้อมูลโดยรูปว่า บ้านที่สร้างเสร็จเดือนไหนนกจะเริ่มเข้าอยู่อย่างไร สรุปง่ายๆว่าควรเริ่มเปิดเรียกนก เดือน มกราคม นกจะมีช่วงย้ายถิ่น ก.พ.-เม.ย. เดือน กันยายน นกจะมีช่วงย้ายถินยาวที่สุดคือ ต.ค.-เม.ย. เว้น ม.ค. เดือนเดียว ในทำนองเดียวกันมีวิธีป้องกันหรือชลอการย้ายถิ่น เราจะไม่โฟสเพราะต้องรอให้ผมทำบ้านนกเสร็จก่อน..ฮิ..ฮิ         *ปรากฎการย้ายถิ่นมีอีกหลายสาเหตุ แต่ไม่กล่าวในที่นี้
IP Logged
อ้างอิงตอบ










SC
ตั้งใจ


เมื่อวานเข้าไปอ่านหัวข้อการอบรมรุ่น 2 ภาพนี้น่าจะมีประโยชน์เผื่อเอาไปใช้ในการอบรม รายละเอียด
-ระยะวงบิน - ตำแหน่งกระดาน ดูจากรูปแล้วกันครับ
เมื่อวานมีเพื่อนสมาชิก เรียกว่า พี่หมอแล้วกัน ปรึกษาเรื่องไม้กระดานรังนก
ถ้าสังเกตุให้ดีจะมีคำตอบอยู่แล้ว แต่ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ ผมเอาทฤษฎีกับปฎิบัติมาเปรียบเทียบกันให้นะครับ วันนี้ขอเวลานั่งย่อรูปเสียก่อน
กว่าจะโฟสลงมาได้ ใช้เวลาเหลือเกิน เพราะรูปที่ใช้กล้องถ่ายมัน 200 kb ขึ้นไป













SC
ตั้งใจ



อันนี้ทฤษฎี การตีไม้ทำรัง แบบคลาสสิค และแบบ แมททริก บางคนบอกว่าคลาสสิคดีเพราะมุมน้อย แต่ แต่ ดูรูปต่อไปครับเมื่อนกทำรังเต็มพื้นที่  กรุณานั่งนับรังมุม รังดี เอานะครับว่าแบบไหนให้ผลผลิตมากกว่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น